รีวิวซีรีส์ Doctor Climax ปุจฉาพาเสียว เกี่ยวโยงกับ “อำนาจ” อย่างแยกไม่ออก ทั้งในกรณีของการกำหนดความหมายศีลธรรมอันดีของบ้านเมืองตามความคิดของ ดร.พรชัย ซึ่งขัดแย้งกับเรื่องราวในจดหมายของผู้อ่านที่ส่งถึง ดร.ณัฐ เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจอีกประการหนึ่งคือ “ความรู้เรื่องการศึกษาเรื่องเพศ” ที่กลายเป็นอำนาจต่อรองเล็กๆ น้อยๆ ในระดับบุคคล ซึ่งซีรีส์นำเสนอได้อย่างน่าสนใจ
บทของ คงเดช และ ทินภัทร บัญยัตปิยพล ย้อนกลับไปสำรวจประเด็นที่น่าสนใจของอำนาจทางเพศ ที่ผู้ชายเป็นผู้กำหนดความสุขทางเพศ และผู้หญิงมีข้อจำกัดในการแสวงหาความสุขทางเพศ อย่างไรก็ตาม ด้วยเนื้อเรื่องหลักและตัวละครที่น่าสนใจมากมายของซีรีส์ เราจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจที่องค์ประกอบหลายอย่างของซีรีส์สูญหายไประหว่างทาง
หากเราได้เห็นตัวอย่างซีรีส์เรื่อง Pujjapasee เป็นครั้งแรก ก็คงจะยากที่จะไม่ “วัด” ว่าซีรีส์เรื่องนี้เทียบได้กับซีรีส์เรื่องอื่นๆ ที่ใช้ประเด็นทางเพศเป็นจุดขายหลักในการขาย เช่น Sex Education จากอังกฤษ และ The Naked Director จากญี่ปุ่น ที่พูดถึงอุตสาหกรรม AV แต่เมื่อซีรีส์พูดถึงแบรนด์ เช่น ไพรวัฒน์ คุ้มวัน และคงเดช จาตุรันต์รัศมี ซีรีส์เรื่อง The Hunger Games ปีที่แล้วก็เป็นวิธีสื่อความหมายที่แยบยลในการบอกว่าเรื่องเพศไม่ต่างจากอาหาร ตรงที่ถึงแม้เราจะ “กินเอง” เราก็หนีการเมืองไม่พ้น
เนื้อเรื่อง รีวิวซีรีส์ Doctor Climax ปุจฉาพาเสียว
สำหรับเรื่องราวของ ‘ปุจจปสี’ เราจะได้รู้จักกับตัวละครหลักของเรื่อง นั่นก็คือ หมอนัท (รับบทโดย ฉันทวิชช์ ธนเสวี) หมอหนุ่มที่เติบโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ทั้งคู่ถูกบังคับแต่งงานกับตุ๊กตา (รับบทโดย เฌอมาวีร์ สุวรรณภานุโชค) และถูกแม่ (รับบทโดย อุทุมพร ศิลาพันธุ์) บังคับให้มีลูกกับเมียให้เร็วที่สุดเพื่อให้ครอบครัวสมบูรณ์ แต่ที่คลินิกหมอณัฐที่เปิดรักษาโรคผิวหนัง เขาได้กลายเป็นสถานที่พักพิงสำหรับสตรี ทั้งการตรวจภายในและการให้คำปรึกษาทางเพศ ในช่วงรุ่งเรืองของการนำการศึกษาเรื่องเพศมาใช้ในโรงเรียนเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2521 อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งของชีวิต การเป็นนักเขียนนิยายเป็นความฝันที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดรีวิวซีรีส์ Doctor Climax ปุจฉาพาเสียว
จนกระทั่งเขาได้รับโอกาสจากทองเทียน (รับบทโดย ชัยวัฒน์ ทองแสง) นักเขียนนิยายผจญภัยที่หมอณัฐมองว่าเป็นไอดอล เชิญให้เขียนคอลัมน์ “ปุจจปสี” ตอบคำถามเรื่องเพศในหนังสือพิมพ์กรุงเทพเดลี่ ภายใต้ชื่อ Doctor Climax แม้ว่าคอลัมน์นี้จะตั้งใจให้เป็นประโยชน์ต่อคนไทยในช่วงที่การศึกษาเรื่องเพศได้รับการบรรจุลงในตำราเรียนเป็นครั้งแรก แต่เนื้อหาในจดหมายตอบของเขากลับทำให้หมอปรชัย (รับบทโดย นิมิตร ลักษมีพงศ์) ส.ส.อนุรักษ์นิยมไม่พอใจ เขาต้องการลอกหน้ากากของ Dr. Climax และยุติคอลัมน์ “คำถามและความตื่นเต้น” ของสังคมไทย
เรื่องราวของ “คำถามกับความตื่นเต้น” จะพาเราไปรู้จักกับตัวละครหลักของเรื่อง นั่นก็คือ หมอนัท (รับบทโดย ฉันทวิชช์ ธนาเสวี) หมอหนุ่มที่เติบโตมาในครอบครัวหัวโบราณ ทั้งคู่ถูกบังคับให้แต่งงานกับตุ๊กตา (รับบทโดย เฌอมาวีย์ สุวรรณภานุโชค) และถูกแม่ (รับบทโดย อุทุมพร ศิลาพันธุ์) บังคับให้มีลูกกับภรรยาโดยเร็วที่สุดเพื่อให้มีครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ที่คลินิกของหมอนัทที่เปิดทำการเพื่อรักษาโรคผิวหนัง เขาได้กลายเป็นที่พึ่งของผู้หญิง ทั้งการตรวจภายในและการให้คำปรึกษาเรื่องเพศ ในช่วงเริ่มต้นของการนำการสอนเรื่องเพศมาใช้ในโรงเรียนเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2521
อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งของชีวิต การเป็นนักเขียนนวนิยายเป็นความฝันที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด จนกระทั่งได้รับโอกาสจาก ทองเทียน (รับบทโดย ชัยวัฒน์ ทองแสง) นักเขียนนวนิยายแนวผจญภัยที่หมอนัทมองว่าเป็นไอดอล และเชิญชวนให้เขาเขียนหนังสือ “พุชชา ผซิ่ว” เป็นคอลัมน์เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทางเพศในหนังสือพิมพ์กรุงเทพเดลี่ ภายใต้ชื่อ หมอไคลแมกซ์ แม้ว่าคอลัมน์นี้จะสร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ของคนไทยในช่วงที่การสอนเรื่องเพศเริ่มมีอยู่ในตำราเรียน แต่เนื้อหาในจดหมายที่นายแพทย์พรชัย (รับบทโดย นิมิตร ลักษมีพงศ์) ส.ส. อนุรักษ์นิยม ไม่พอใจ เขาต้องการฉีกหน้ากากหมอไคลแมกซ์ และยุติคอลัมน์ “พุชชา ผซิ่ว” จากสังคมไทย
สรุป
อีกจุดหนึ่งที่อยากชื่นชมสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ คือความแหลมคมของการแคสติงโดยทีม “สร้อยทิพย์” ทั้งการเลือกดาราที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้วอย่าง เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี และก้อย อรัชพร โภคินภากร มาสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ๆ โดยกรณีของเต๋อคือการเลือกนำเสนอด้านที่น่าจะเป็นผู้ใหญ่สุด ๆ และความเป็นมนุษย์ที่ผิดพลาดเป็นในตัวเต๋อออกมาได้อย่างดี ส่วนกรณีของก้อย อรัชพร ที่ตัวละครลินดาน่าจะทำให้ก้อยดูสวยและน่าหลงใหลมากที่สุดบทบาทหนึ่งแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ที่สำคัญคือบทดราม่าของเธอยังเป็นข้อพิสูจน์ได้ดีว่าทำไมตัวละครลินดาจะกลายเป็นตัวละครที่คนดูรักมากที่สุดตัวหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้
แต่สำหรับไฮไลต์สำคัญจริง ๆ คงยกให้การแคสต์ แพรว เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค ในบทตุ๊กตา และต๊อบ ชัยวัฒน์ ทองแสง ในบททองเทียน โดยในกรณีแรกคือ แพรว เฌอมาวีร์ ที่เป็นที่รู้จักแค่กลุ่มติดตามดาราละครช่อง 7 ที่ทำให้ตัวละครตุ๊กตาดูมีมิติและชวนมองจนไม่อาจละสายตา โดยเฉพาะในช่วงหลังของซีรีส์ที่ตุ๊กตาเริ่มเข้าสู่ด้านมืดที่รับรองว่ามีผลต่อหัวใจหนุ่ม ๆ ไม่แพ้ตัวละครลินดาของก้อยเลยทีเดียว ส่วนต็อบ ชัยวัฒน์ แม้จะหนีไม่พ้นการต้องโชว์รูปร่างสุดแมน แต่บททองเทียนน่าจะพิสูจน์แล้วว่าเขามีดีมากกว่าแค่หน้าตาและรูปร่าง และซีรีส์เรื่องนี้น่าจะเป็นครั้งแรก ๆ ที่พะยี่ห้อนักแสดงคุณภาพให้กับเขาได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ส่วนนักแสดงสมทบทั้ง ต้นหน ตันติเวชกุล, สมเล็ก-สมชาย ศักดิกุล, บ็อบบี้-นิมิตร ลักษมีพงศ์, อัด-อวัช รัตนปิณฑะ และ จุ๊กกู้-สลิตา กลิ่นจันทร์ ต่างก็เพิ่มดีกรีความร้อนแรงและความเข้มข้นให้เรื่องราว ทำให้การชม ‘ปุจฉาพาเสียว’ ต่อเนื่องจนแทบไม่อยากพักสายตาเลยทีเดียวรีวิวซีรีส์ Doctor Climax ปุจฉาพาเสียว
แต่กระนั้นด้วยความเป็นซีรีส์ที่มีเส้นเรื่องหลักและตัวละครที่น่าสนใจเยอะไปหมด ก็อดไม่ได้ที่จะเสียดายองค์ประกอบหลายอย่างของซีรีส์ ทั้งเรื่องราวตอบปัญหาทางเพศในช่วงหลังของซีรีส์ที่ถูกนำเสนอแบบผ่าน ๆ หรือเลือกหาทางลงแบบเพลย์เซฟเข้าข้างรสนิยมทางเพศแบบแมสมากไปหน่อย และที่น่าเสียดายมาก ๆ คือการที่ซีรีส์มีแฝงประเด็นนักศึกษาเข้าป่าหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เอาไว้ แต่ไม่ได้ขยี้ต่อมากนัก หวังว่าหากซีรีส์ได้สานต่อในซีซันที่ 2 ก็อยากให้ ‘ปุจฉาพาเสียว’ แตะประวัติศาสตร์การเมืองช่วงดังกล่าวให้มากกว่านี้ และจะกลายเป็นของขวัญสำหรับผู้ชมสายลึกมากหากได้สานต่อไปจนถึงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่จะส่งผลต่อสื่อหนังสือโป๊ อีกหนึ่งสื่อใต้ดินที่ท้าทายอำนาจรัฐและผูกพันกับการเมืองเรื่องเพศอย่างเข้มข้นในประเทศไทย