รีวิวหนัง Inside Out 2 การรอคอยสิ้นสุดลงแล้ว! Inside Out 2 กลับมาแล้ว! ภาคนี้ยังคงเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครไรลีย์ที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นพร้อมกับ 4 อารมณ์ใหม่ที่จะมาถึง ภาคนี้ยังคงน่าประทับใจเช่นเคย แต่ก็มีบางอย่างใหม่ๆ เข้ามาด้วย มาอ่านต่อกันเลย! Inside Out 2 เป็นแอนิเมชั่นที่เด็กๆ สามารถรับชมได้ และผู้ใหญ่ก็สามารถรับชมได้ดียิ่งขึ้น เพราะแอนิเมชั่นเรื่องนี้ไม่เพียงแต่สนุกและน่าประทับใจเท่านั้น แต่เนื้อเรื่องยังทำให้เราในฐานะผู้ชมรู้สึกเหมือนถูกกอดและเยียวยาโดยที่ไม่รู้ตัวอีกด้วย พูดได้เลยว่าเราจะออกจากโรงหนังด้วยความรู้สึกเต็มอิ่ม ราวกับได้พบกับเพื่อนซี้อีกครั้ง
สำหรับตัวละครหลักใน Inside Out 2 ภาคนี้ยังคงนำเอาอารมณ์หลักๆ จากภาคแรกมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความสนุก ความเศร้า ความรังเกียจ ความกลัว และความโกรธ แต่ในภาคนี้ซึ่งจากตัวอย่างและโปสเตอร์ต่างๆ ทำให้เราได้เห็นกันไปแล้วนั้น จะมีอารมณ์ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา เนื่องจากตัวละครไรลีย์กำลังเข้าสู่วัยรุ่น เมื่อโตขึ้นเธอจะมีอารมณ์ต่างๆ มากขึ้นกว่าแต่ก่อน คือ สับสน เขินอาย เฉยเมย และอิจฉา
ความประทับใจส่วนตัวของฉันเกี่ยวกับ Inside Out 2 คือ เรื่องราวที่มีคำพูดดีๆ ซ่อนอยู่มากมาย โดยสามารถจับรายละเอียดของอารมณ์ในช่วงวัยรุ่นได้ค่อนข้างดี และถ่ายทอดออกมาในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ของไรลีย์ตั้งแต่ภาคแรกไปจนถึงภาคสองได้อย่างชัดเจน แต่ส่วนตัวแล้วฉันชอบการกระจายอารมณ์หลักในภาคแรกที่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องทั้งหมด แต่ในภาคสองนี้ อารมณ์ใหม่ๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาบางส่วนดูเหมือนจะไม่มีบทบาทมากนัก แอบเสียดายที่บทบาทของความอิจฉาและเฉยเมยควรจะมีบทบาทมากขึ้นอีกนิด
สำหรับอารมณ์หลักที่ฉันชอบใน Inside Out 2 ตั้งแต่ภาคแรกไปจนถึงภาคสอง ฉันยังคงต้องเลือกอารมณ์ที่ชอบที่สุดเป็นอารมณ์เศร้า อารมณ์หลักที่ดูเหมือนจะเป็นคนขี้แงแต่ก็ช่วยเหลือทุกคนได้ตลอดเวลา แต่สำหรับอารมณ์หลักใหม่ที่เราชอบมากที่สุดคืออารมณ์แบบขี้อายๆ ที่มีคาแรกเตอร์คล้ายๆ กับอารมณ์เศร้าๆ เขาเป็นคาแรกเตอร์ที่น่ารักที่ทำให้เรายิ้มทุกครั้งที่ดู
9 อารมณ์ เรื่องราวใหม่ ใจฟู รีวิวหนัง Inside Out 2
ความเฉลียวฉลาดในการดำเนินเรื่องยังคงเด็ดขาดเช่นเคย ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในค่ายฝึกฮ็อกกี้ 3 วัน ซึ่งจู่ๆ ก็ระเบิดขึ้นเมื่อไรลีย์รู้ว่าเพื่อนสนิทสองคนของเธอจะย้ายโรงเรียน ในขณะเดียวกัน ไรลีย์ก็พยายามหาการยอมรับจากนักกีฬาฮ็อกกี้รุ่นพี่สุดเท่เพื่อหาที่ยืนให้กับตัวเอง บทภาพยนตร์ฉลาดมากที่เลือกเพิ่มตัวละครอารมณ์ใหม่เพียง 4 ตัวและตัวละครรับเชิญ 1 ตัว
วิธีนี้ทำให้ผู้ชมไม่ต้องจำตัวละครมากเกินไป และยังช่วยให้สามารถสื่อสารการเปลี่ยนแปลงของไรลีย์ผ่านสถานการณ์ต่างๆ ได้ ความกล้าที่จะนำเสนอความซับซ้อนของจิตใจของไรลีย์ ซึ่งช่วยให้ความรู้สึกดั้งเดิม เช่น ความขี้เล่นหรือความสุข ความเศร้า ความรังเกียจ และความโกรธ เติบโตขึ้นไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของไรลีย์ โดยเฉพาะตอนจบของภาพยนตร์ที่แสดงให้เห็นความจริงของการเติบโตของมนุษย์โดยไม่ถูกบังคับ นอกจากเอมี โพเลอร์จะกลับมาเป็นผู้นำทีมพากย์เสียงเดิมแล้ว ตัวละครใหม่ วาวุน ยังมีมายา ฮอว์ก ที่ให้เสียงที่มีชีวิตชีวาและสื่อสารตัวละครได้ดีมากรีวิวหนัง Inside Out 2
องค์ประกอบอีกอย่างที่ถือว่ามีบทบาทสำคัญไม่แพ้บทภาพยนตร์ก็คือการพากย์เสียงตัวละคร ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษต้นฉบับ นอกจากที่ Amy Poehler จะกลับมาเป็นหัวหน้าทีมพากย์เสียงชุดเดิมแล้ว ตัวละครใหม่ Wawun ก็ยังให้เสียงโดย Maya Hawk ลูกสาวของ Ethan Hawk และ Uma Thurman ซึ่งมีชีวิตชีวาและสามารถสื่อสารตัวละครได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ Ayo Adibri ซึ่งเคยให้เสียง April O’Neil ใน Teenage Mutant Ninja Turtles: Mutant Mayhem เมื่อปีที่แล้ว ก็ให้เสียงโดย Icha ซึ่งขโมยซีนไปตลอดทั้งเรื่อง ส่วนตัวละครที่เฉยเมย Addele Exerchopoulos ก็มีเสน่ห์ด้วยสำเนียงฝรั่งเศสซึ่งฟังแล้วน่าฟังมาก
สรุปแล้ว ‘Inside Out 2’ ยังคงรักษาคุณภาพทั้งบทภาพยนตร์และการพากย์เสียงเอาไว้ได้ ส่วนภาพก็ไม่มีอะไรน่ากังวลเพราะคุณภาพของ Pixar นั้นเชื่อถือได้อยู่แล้ว สิ่งเดียวที่ไม่แย่คือดนตรีประกอบโดย Andrea Datzman แต่ถ้าเทียบกับผลงานของไมเคิล จิอาคคิโน ที่ทำเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดังภาคแรกแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจดูด้อยกว่าเล็กน้อย นอกจากนี้ ตัวภาพยนตร์เองยังนำเพลงประกอบภาพยนตร์ของจิอาคคิโนมาใช้ใหม่ด้วย เพราะกลายเป็นเพลงที่ผู้ชมคุ้นเคยและชื่นชอบมานานถึง 9 ปี