รีวิว ขุนพันธ์ 3

รีวิว ขุนพันธ์ 3 พบกับ Kung Fan ที่โรงภาพยนตร์ อีจีวี อยุธยา พาร์ค ซิตี้ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 วันนี้ขอคุยกับเพื่อน อย่างที่พวกคุณที่ติดตามมาคงทราบดีว่า ขุนพันธ์ จักรวาล เป็นหนังแอคชั่นที่ยิ่งเพิ่มความมันส์และเต็มไปด้วยฉากบู๊ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ Kung Huang ในภาค 3 นี้ เนื่องจากหนังมีความยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง บอกเลยว่าฉากบู๊กว่า 2 ชั่วโมงมันสะใจจริงๆ ครับ ผลกระทบจาก ในช่วงเวลาแห่งความอดอยาก ประเทศต่าง ๆ กำลังล่มสลายและกลุ่มนอกกฎหมายยังคงมีอยู่มากมาย เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ แต่ “กุ้ง พันธุลักษณ์ราชดี”

นายตำรวจฝีมือดีที่คลี่คลายคดีดังด้วยเวทมนตร์จนโด่งดัง มันเกิดขึ้นทั่วประเทศ แต่เหตุการณ์ของโจรชุดดำทำให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น และคุนฟานของเสือไฟและเสือไป่ก็วางแผนที่จะเปลี่ยนโรงเรียนเพื่อให้มีความสัมพันธ์กับโจร ในเวลานั้น คุนหวางอยู่ในปฏิบัติการต่อย เนื่องจากเหตุการณ์ในตอนนั้น คุนหวางตั้งใจที่จะอยู่กับโจรที่สวมชุดดำ ในเวลานั้น คุนฟานมีความสัมพันธ์กับโจรเนื่องจากเหตุการณ์โจรในชุดดำ ขุนพันธ์จึงตัดสินใจตรงไปพิจารณาความปรารถนาที่จะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติกับครูนุ่น ภรรยาของเขา ซึ่งกำลังจะให้กำเนิดชีวิตใหม่ที่บ้านเกิดของเขาที่นครศรีธรรมราช อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางเกิดเหตุการณ์ที่นักการเมืองคนสำคัญสามคนถูกลักพาตัวไป เขาจึงต้องขอให้คุนคุนกลับมาทำภารกิจนี้

ที่กล่าวว่าฉันติดตามเขาตั้งแต่การแข่งขันกับ Al Haviyar ในตอนที่ 1 ดังนั้นฉันจึงคาดหวัง Kunfan 3 เป็นการส่วนตัว จากนั้นเราไปต่อภาคสองที่เราต่อสู้กับเสือฝ้ายและกะเทย ภาคสองแอคชั่นเข้มข้นและถูกใจผมมาก และกำกับโดยคุณก่อเกียรติ คมศิริ จะสร้างความบันเทิงให้ผู้ชมได้จับแนวทางของวิธีการ ฉันมีความหวังสูงสำหรับต้นฉบับที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว

บอกเลยว่าคุ้มค่าการรอคอยจริงๆ นอกจากฉากบู๊ พล็อตเรื่องทำได้ดีมาก เป็นหนังที่ดูสนุกจริงๆ บ่นว่าหลังจากดูไป 2 ชั่วโมงครึ่ง หนังทำให้เรารู้สึกว่า เหมือนหนัง ไม่ใช่สองชั่วโมงครึ่งแต่พอหนังจบหนังก็จบ? นึกว่าจะดูต่อได้อีก 2 ชม. แต่ก็อดคิดถึงแฟนคุนฟานที่ติดตามมาตั้งแต่ภาค 1 ไม่ได้

การให้คะแนนส่วนตัว รีวิว ขุนพันธ์ 3

รีวิว ขุนพันธ์ 3 งานกำกับภาพบอกเลยว่าหนังไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้งานภาพดีจริง ๆ แต่ก็มีจุดบกพร่องเล็กน้อยคืองานเอฟเฟ็กต์ยังมีแอบ ๆ อยู่บ้าง แต่อันนี้โอเค เนื่องจากเป็นหนังแอคชั่นเต็มเรื่อง ขอยกโทษให้ครับ งาน 10 แต้มนี่ถ้าไม่มีงาน CG บอกเลยว่าต้องเต็ม 10 อยู่แล้ว นี่ถือเป็นคะแนนพิเศษที่ฉันเคยช่วย เรามาดูกันดีกว่าว่างาน CG ลอยไปถึงไหน แต่ CG ตอนใช้มนต์สะกดนี่ต้องบอกเลยว่าสวย เพราะโดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าทุกคนก็อยากไปดูงานด้านภาพที่แอคชั่นจริงลื่นไหล ต้องย้ำว่าคุ้มค่าการรอคอยจริงๆ ใน ขุนพันธ์ 3

ที่ผมให้ 10 เต็ม 10 ไม่ใช่เพราะอะไรครับเป็นความชอบส่วนตัวบวกกับอยากดูหนังเรื่องไหนก็ได้ที่ผ่อนคลาย มีแอคชั่น แต่ทำให้เรารู้สึกว่าหนังสร้างความสุขให้เราได้ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบจริงๆ นอกจากจะดึงดามาเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวของตัวละครแต่ละตัวแล้ว ยังแอบใส่ Surprise ไว้ในเรื่องอีกด้วย บอกเลยว่าใครเป็นแฟนขุนพันธ์ภาคแรก เมื่อพวกเขาเห็นความประหลาดใจ ทุกคนจะตะโกนว่า เฮ้ นี่ซิลได้ไหม? เรียกใช้มันเหมือนเกมผจญภัย ถ้าเพื่อนๆไม่เชื่อก็ไปดูเถอะครับคุ้มตั๋วแน่นอน

นักแสดง

ต้องบอกว่านักแสดงหลักทุกคนแสดงดีมาก อย่างคุณอนันดา เราก็รู้อยู่แล้วว่าเล่นสมบทบาท เพราะคนที่มาดูภาคสามส่วนใหญ่ก็ต้องตามมาจากภาคหนึ่งใช่ไหม? แปลกใจที่คุณมาริโอ้กับคุณโตโน่เล่นดีมาก ปกติก็เล่นแนวสาววาย น่ารัก ตลก แต่เรื่องนี้ก็เท่ดี ยิ่งคุณโตโน่บอกว่าเล่นถึงอารมณ์ก็เลยถ่ายฉากขยี้อารมณ์ ดึงดามาบอกเขาหรือเขาอยากให้เพื่อนเห็นจริงๆ เลยต้องบอกเลยว่านักแสดงเรื่องนี้เก่งทุกคน สุดท้ายนี้ต้องบอกว่าถ้าเป็นแฟนขุนพันธ์ตั้งแต่ภาคแรกไม่ควรพลาด ทุกประการมันเป็นไตรภาคที่ดี ทุกอย่างไม่ควรพลาด ใช่รีวิว ขุนพันธ์ 3

ในหนังเรื่องนี้เราจะได้เห็น ขุนพันธรักษ์ ราชเดช ที่ออกจากราชการไปใช้ชีวิตครอบครัวที่นครศรีธรรมราช แต่เมื่อถูกเรียกให้ไปช่วย ร้อยตรี ทัตเทพ นายทหารระดับสูงในการปกป้องนักการเมือง ก็ทำให้ ขุนพันธ์ กลับมาสู้ศึกอาคมกับ 2 เสือแห่งยุค เสือมเหศวรและเสือดำ แต่เมื่อสงครามดำเนินไป ขุนพันธ์ เริ่มรู้สึกว่าของขลังเริ่มเสื่อม เขาต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดเพื่อกลับไปหาภรรยาและลูกแรกเกิด

การมีหนังอย่าง ‘ขุนพันธ์ 3’ ถือเป็นก้าวสำคัญในปี 2566 สำหรับคอหนังไทย เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนก็จะเห็นถึงความตั้งใจและความทะเยอทะยานในการพาหนังไทยก้าวข้ามคำด่าและคำสบประมาท และถ้าไม่เป็นการกล่าวเกินจริงถึงเรื่องราวของขุนพันธ์ในภาคนี้ ก็คงเหมือนพินัยกรรมของก้องเกียรติ โขมศิริ ที่พูดได้ว่า ถ้าชีวิตนี้ไม่ทำหนังอีกแล้ว หนังเรื่องนี้คือคำสั่งสุดท้ายที่จะดูว่าคนทำหนังไทยยังอยากทำอยู่ไหม ทำหนังให้คนไทยดู

สรุป

จัดเต็มตั้งแต่ฉากแอคชั่น บู๊ล้างผลาญ ไม่ต้องกลัวงบบานปลาย ใส่สัตว์ประหลาดแบบจัดเต็ม ตั้งแต่จระเข้ ไปจนถึงการผจญภัยและซอมบี้ ไปจนถึงงาน CG ต่างๆ ของวิเศษ ที่แม้จะไม่เนียนเท่าหนังฮอลลีวูดแต่ก็ยังมุ่งมั่นพัฒนาให้ดีขึ้นในทุกๆ ภาค รวมถึงงาน CG ในภาคหนังนี้ด้วย และที่สำคัญ บทอาคมรู้ดีว่าผู้ชมทุกวันนี้ต้องการอะไร . เลยใส่ตั้งแต่เซอไพรส์รุ่นเดียวกับหนังมาร์เวล ไปจนถึงการสอดแทรกเกร็ดประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ใช้วิพากษ์รัฐบาลชุดปัจจุบัน

จริงๆ แล้วบทของ ‘ขุนพันธ์ 3’ ยังมีอะไรน่าสนใจอีกมากมาย โดยเฉพาะเหตุการณ์สังหาร 4 อดีตรัฐมนตรีในปี พ.ศ. 2492 ที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นฉากหลังของภาพยนตร์ แต่ปัญหาหลักคือมันกลายเป็นฉากหลังที่ล่องลอยไปเรื่อย ๆ เมื่อหนังต้องไปซ้อนกับเนื้อเรื่องของสงครามเวทมนตร์ ยิ่งเป็นตัวแปรที่ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ขุนแผนทั้งหมด เสือมเหศวรกับเสือดำต้องมาปะทะกันแถมต่างก็มีเรื่องราวที่สามารถสร้างเป็นหนังคนละเรื่องมาปะปนกันจนบรรยากาศการเมืองที่หนังพยายามปูให้เห็นมากเกินไปอย่างน่าเสียดาย

และสุดท้ายเป้าหมายที่หนังต้องการเชิดชูวีรกรรมของขุนพันธรักษ์ราชเดช แม้หนังเรื่องนี้จะให้ขุนพันธ์เดิมพันมากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ เรียบร้อยแล้ว แต่ต้องบอกว่า หนังไม่ได้ให้เวลาขุนพันธ์ในการสร้างความสัมพันธ์ สร้างความเห็นอกเห็นใจ และสนับสนุนขุนพันธ์เลย ตอนจบก็เหมือนหนังที่เชิดชูอวยพรกันด้วยข้อความทิ้งท้ายธรรมดาๆรีวิว ขุนพันธ์ 3

บทความที่เกี่ยวข้อง